"มรณานุสติ" คาเฟ่กาแฟที่พาคุณไปสัมผัสความ(ใกล้)ตาย ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่

        สวัสดีค่ะชาว Dek-D ปกติแล้วน้องๆ มักจะเข้าไปรีแลกซ์กันในร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่นหรือมุ้งมิ้งน่ารักกันใช่มั้ยคะ แต่คราวนี้พี่จะพาไป “มรณานุสติ” คาเฟ่สุดฮอตที่เพิ่งเปิดตัวเต็มรูปแบบไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง วันนี้เราจะมารีวิวให้ทุกคนฟัง แต่บอกก่อนว่าไม่ได้มาบรรยายรสชาติอาหารหรือมุมถ่ายรูปเก๋ๆ  แต่จะมาแชร์ว่าแต่ละจุดทำให้เราฉุกคิดถึงอะไรบ้าง!
 
        “มรณานุสติ”  (Kidmai Death Cafe) เป็นร้านกาแฟบนพื้นที่โล่งกว้าง ซึ่งกระชากสติกันตั้งแต่ทางเข้าที่เป็นอุโมงค์มืดๆ และมีป้ายคำถามเตือนสติตลอดทาง เช่น  “อะไรที่คุณอยากทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ?"




 

5 สถานี "สิ่งที่ควรทำก่อนตาย" 
 

        พอเดินเข้ามาในร้านก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในงานศพนิดนึง เพราะทุกสิ่งรอบตัวเป็นสีดำแทบทั้งหมด จุดเด่นคือที่นี่คล้ายกับเปิดคอร์สเตรียมความพร้อมก่อนตายค่ะ มีทั้งหมด 5 สถานีให้ร่วมสนุก ดังนี้
 
        Station 1 สอนทำพินัยกรรม - วางแผนการแบ่งเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวให้บุคคลต่างๆ (ถ้าใครไม่ได้ทำไว้ก่อนเสียชีวิต ก็จะถูกแบ่งตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด)


        Station 2 หนังสือเบาใจ - วางแผนเน้นการจัดการด้านร่างกายค่ะ จะใช้ในสำหรับการแพทย์และการรักษา เช่น ถ้าวันนึงเราป่วยจนตอบสนองไม่ได้ จะให้แพทย์ต่อเครื่องช่วยหายใจมั้ย?


 
        Station 3 ออกแบบงานศพ - คนเราไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับการตายของตัวเองหรอก แต่ที่นี่มีแคตตาล็อกมาให้เราติ๊กออกแบบงานศพของตัวเองเลย เช่น โลง พวงหรีด ของว่าง ฯลฯ แถมยังมีวัดยอดฮิตมาให้จิ้มเลือกด้วย คราวนี้เราก็รู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ สำหรับงานศพของเราแล้วค่ะ


 
        Station 4 เขียนสาส์นถึงตัวเอง - ให้เราเขียนจดหมายเตือนตัวเองในอนาคต เช่น อีก 5 ปีข้างหน้า หรือตอนเราอายุ 30 ฯลฯ  ถ้าเขียนเสร็จแล้วอยากส่งจริง เค้าก็มีบริการให้นะคะ แต่พอได้รับแล้วหน้าที่ของเราคืออย่าเปิดอ่านก่อนถึงวันนั้น ^^


 
        Station 5 บริจาคร่างกาย - ให้เราวางแผนว่าจะบริจาคอวัยวะอะไรบ้าง ถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่เลยค่ะ เพราะในวันที่เราจากโลกนี้ไปแล้ว อวัยวะของเราจะยังคงทำประโยชน์ให้คนอื่นได้

        นอกจากนี้ยังมีให้เราทดลองนอนในโลงศพด้วย! (ใครลงไปนอนจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาท) ซึ่งโลงนี่ไม่ได้ทำเลียนแบบนะ เป็นโลงจริงๆ แบบที่ตั้งในวัดเลย มองไปก็ขนลุกๆ พิกล ซึ่งเค้าบอกว่า ถ้าได้ลองอยู่กับตัวเองในนั้นจะรู้สึกทั้งอึดอัดและเงียบสงบ คราวนี้หนึ่งในทีมงานก็ลงไปนอนจริงๆ พร้อมปิดฝาโลงด้วย เค้าบอกว่า "ข้างในเงียบมาก ไม่ได้ยินเสียงข้างนอกเลย มันเป็นความรู้สึกที่คนทั่วไปไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอหรอก เพราะต่อให้ตายไปจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตอนนอนในโลงรู้สึกยังไง"


 




 

เสิร์ฟเมนูความจริงที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง
 

        “เราเลือกเปิดในรูปแบบคาเฟ่ เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ แต่ร้านเราไม่ได้เน้นขายเครื่องดื่ม เราไม่ได้บอกว่าลูกค้าจะได้ลิ้มรสเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก เพราะเราก็ใช้ส่วนผสมทั่วไปเหมือนร้านอื่นๆ แต่เรามีสัจธรรมชีวิต คือ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นกิมมิก” คุณตอง (ผู้จัดการร้าน) กล่าว
 
        ที่นี่มีเมนูให้เลือกเหมือนร้านกาแฟทั่วๆ ไปเลยค่ะ เพียงแต่จะมีเมนูซิกเนเจอร์ 4 เมนูที่มีชื่อเป็น เกิด แก่ เจ็บ ตาย ครบ แต่ถ้าใครกำลังหิวๆ แล้วดันได้มารู้ความหมายของส่วนผสม ก็ไม่รู้ว่าจะกินอร่อยมั้ยนะ


 
        เกิด (Born) = “อิตาเลียนโซดา” ที่ซาบซ่าเหมือนตอนเราเกิด แต่ก่อนเกิดต้องผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะเกิดมาเป็นเราจนทุกวันนี้ ก้นแก้วคือจุดกำเนิด (เลือดแม่) ส่วนฟองโซดาคือลมหายใจ
 
        แก่ (Elder) = “โกโก้ร้อน” มีมาร์ชเมลโล่ละลายเปรียบเหมือนร่างกายที่ร่วงโรย ส่วนผงช็อกก็เหมือนร่างกายที่เริ่มเสื่อมเป็นผุยผง
 
        เจ็บ (Painful) = “วิปครีมราดซอสสตรอเบอร์รี่” ซอสสีแดงเปรียบได้กับเลือดและบาดแผล
 
        ตาย (Death) = “โกโก้ปั่น” เวลานึกถึงความตายแล้วจะรู้สึกเย็นสบายเหมือนเมนูปั่น ส่วนป๊อกกี้เปรียบเป็นธูปไว้เคารพศพ



 
         ขอรีวิวรวมๆ  รสชาติทั้งสี่แก้วนี้อยู่ในมาตรฐานกลางๆ เหมือนร้านทั่วไป ไม่ได้เข้มข้นเวอร์ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบหวานจัดค่ะ
 
        อีกกิมมิกเล็กๆ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือตอนเราสั่งเครื่องดื่ม บาริสต้า (คนชง) จะถามคำถามทุกคนค่ะ เช่น “ใครจะเสียใจหากคุณตายกะทันหัน?” “คุณอยากใช้ลมหายใจสุดท้ายกับใคร?” “ใครจะเปนคนตัดสินใจต่อท่อหายใจหรือปั๊มหัวใจ?” (ตอบคำถามบาริสต้า ได้ส่วนลดอีก 5 บาท) ส่วนใหญ่เจอแบบนี้ก็อาจสะอึก   เพราะเชื่อว่าไม่เคยมีคนมาถามเราแบบนี้หรอก มันทำให้เราคิดตามได้จริงๆ


 
        ส่วนเวลาเสิร์ฟบางเมนูก็ชวนสะดุ้งเหมือนกันนะคะ เช่น “คุณคะ 'ตาย' ได้แล้วค่ะ”   ถ้าเทียบกับร้านทั่วไปก็จะเป็นคำพูดว่า  "โกโก้ปั่นได้แล้วค่าาา” 

 

เบื้องหลังสิ่งที่หลายคนบอกว่า “อัปมงคล”
 

        เบื้องหน้าคือกิมมิกที่ชวนสะดุ้งตลอดเวลา แต่เบื้องหลังคืองานวิจัยของ ผศ.ดร.วีรนัฐ โรจนประภา (คุณใหม่) เจ้าของร้าน ตรงนี้คุณตองเล่าภาพรวมให้ฟังว่า “ในสังคมไทยมีสถิติการก่ออาชญากรรม คุณแม่วัยใส และการคอร์รัปชั่นสูงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังย้อนไปในยุคที่คนยังป่าเถื่อน ในขณะที่ความสุจริตก็ถอยหลังลง อัตราการโกงเพิ่มขึ้น เราจึงอยากเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ราก สิ่งที่วัดความสำเร็จของร้านเราจึงไม่ใช่จำนวนแก้วที่ขายได้ แต่เป็นอัตราการก่ออาชญากรรมและคุณแม่วัยใสที่ลดลง สมมติวันนึงมีลูกค้า 500 คน แล้วมี 1 คนที่คิดได้ เราถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว” 


 
        “คอนเซปต์ของร้านเราคือการเจริญสติ ระลึกถึงความตายเสมอ หลายคนจะบอกว่ามันอัปมงคล ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่จริงๆ มันคือสิ่งที่ดี การนึกถึงความตายจะช่วยให้เราไม่ประมาท คิดอยากทำสิิ่งที่เราอยากทำให้ดีที่สุดโดยไม่มีคำว่า 'เดี๋ยว' เพราะคนเราตื่นมาอาจไม่ได้เจอวันพรุ่งนี้ แต่อาจเจอชาติหน้าเลยก็ได้”


 

         สรุปแล้วคาเฟ่นี้แฝงแง่คิดไว้แทบทุกตารางนิ้วจริงๆ ค่ะ แต่ละคนก็ได้ฉุกคิดอีกครั้งว่า ทุกวันนี้เราลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตดีพอหรือยัง?  เรากำลังละเลยครอบครัวหรือคนสำคัญของเราอยู่ไหม?  เพราะไม่มีใครบอกได้เลยว่าแต่ละคนจะลืมตาตื่นมาเจอพรุ่งนี้หรือชาติหน้า ถ้าใครสนใจอยากซึมซับสัจธรรมให้มากขึ้น อย่าลืมแวะไปที่คาเฟ่ความตายแห่งนี้นะคะ (ไลก์+แชร์เฟซบุ๊ก Kid-mai Death Cafe จะได้ส่วนลดค่าเครื่องดื่มอีก 5 บาท) สำหรับน้องๆ วัยเรียนก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเปิดทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00 - 19.00 น.

            วิธีเดินทางโดย BTS ลงสถานีอารีย์ (ทางออก 1) > เดินย้อนขึ้นมาทางโชว์รูมเบนซ์ ราชครู ร้านจะอยู่ในซอยระหว่างปั๊ม Esso และธนาคาร Exim Bank
            วิธีเดินทางโดยรถยนต์ ขับผ่านเส้นพหลโยธินขาออก > เลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลฯ ซอย 7 > ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยอารีย์ 1 > ตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายมูลนิธิบ้านอารีย์ 
             จุดสังเกต ร้านจะอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนถึงโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็งกรุงเทพฯ ใครใคร่เดินทางแบบไหน เลือกตามที่สะดวกได้เลยค่
 



 
 
สายสืบเด็กดี

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด